วันศุกร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

เริ่มต้นไม่ต่างกัน

          ความฝันเป็นเรื่องของมนุษย์ จึงไม่แปลกที่ทุกคนอยากเป็นในสิ่งที่ตนเองต้องการ แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่า ชีวิตของเราจะก้าวเดินไปในทางทิศใด หากไม่มีใครบางคนมาคอยชี้แนะแนวทางให้เราได้เรียนรู้ ผมโชคดีที่มีคุณพ่อเสนาะ คุณแม่สวาท พิศนุภูมิ เป็นผู้ให้กำเนิด และเฝ้าสั่งสอนอบรมมาตั้งแต่เยาว์วัย จนเติบใหญ่เป็นหนุ่ม พร้อมเรียนจบการศึกษามาระดับหนึ่ง ได้สอบแข่งขันเข้าทำงานในกองทัพเรือ สมกับความใฝ่ฝันในวัยเด็ก



“ชีวิตคือการเดินทางอย่างแท้จริง”



ที่มาที่ไป


คุณพ่อเสนาะ พิศนุภูมิ ถ่ายกับ 
พณฯท่าน จอมพล ป.พิบูลย์สงคราม
เมื่อ 21 มกราคม 2498


                                                                     คุณแม่สวาท พิศนุภูมิ(ซ้ายมือ)

         เมื่อ 31 มกราคม 2534 นับเป็นวันเริ่มต้นของการมีสัญญาตัวแทนประกันชีวิต บริษัท เอไอเอ จำกัด สังกัดหน่วยชุมทอง 24 ยู ภายใต้การบริหารงานโดยท่านผู้จัดการคุณธารินทร์ นันทาภิรักษ์ ระหว่างนั้นผมยังรับราชการทหารเรือเป็นปีที่ 14 ซึ่งการก้าวเข้ามาสู่ธุรกิจประกันชีวิต ไม่ใช่เป็นเพราะใจรัก หรือว่าอยากเข้ามาทำ แต่เป็นเพราะมีใครบางคนชักจูงให้ผมเข้ามารู้จักเส้นทางสายนี้ต่างหาก บุคคลที่ผมจะลืมไม่ได้ตลอดชีวิตนี้ คือพี่ชายที่ผมเคารพรักที่สุด คุณวีระศักดิ์ พิศนุภูมิ ต้องขอบอกว่าไม่ได้ชวนปุ๊บก็มาปั๊บ แต่ผ่านความยากลำบากมากมายกว่าจะเกิดการยอมรับและยอมที่จะเดินเข้ามาทำงานประกันชีวิต เป็นเรื่องที่กล่าวได้ว่าพลิกชีวิตกันเลยทีเดียว ถ้าจะย้อนเวลาไปดูชีวิตของคนๆหนึ่ง สำหรับการเดินทางอันยาวไกล เกือบจะทุกๆชีวิตของคนบางคนเกิดมาแบบคนธรรมดา สำหรับตัวผมเองนั้นอยู่ในกลุ่มคนธรรมดา เกิดที่บ้านท่าหาด ต.ธรรมามูล อ.เมือง จ.ชัยนาท บ้านอยู่ตรงข้ามวัดมะขามเฒ่า หรือวัดหลวงปู่ศุข เกจิอาจารย์ชื่อดังที่ผู้คนทั่วประเทศให้ความเคารพสักการะ



วัยเด็กมีชีวิตที่เรียบง่าย อยู่ภายใต้การอบรมสั่งสอนของคุณพ่อเสนาะ และคุณแม่สวาท พิศนุภูมิ โดยเฉพาะคุณพ่อเสนาะ ได้อบรมสั่งสอนอยู่ทุกวันทุกคืนก่อนนอน ผมมีหน้าที่ปรนนิบัติคุณพ่อด้วยการนวดแขน นวดขา คุณพ่อจะเล่าเรื่องราวต่างๆนานา เกี่ยวกับวีรกรรมของบรรพบุรุษบ้าง ประวัติของบุคคลสำคัญต่างๆ รวมทั้งนำแนวคิดที่เป็นปรัชญาชีวิตจากหลากหลายแง่มุม มาบอกเล่าให้ฟังอย่างต่อเนื่องและเป็นไปอย่างมีรสชาด นั่นก็หมายความว่าการได้นวดแขน นวดขาให้คุณพ่อ นอกจากจะทำให้ท่านผ่อนคลายความตึงเครียดจากการทำไร่ ทำสวนตลอดทั้งวันที่ผ่านมา ตัวผมเองยังได้รับความรู้มาสั่งสมไว้อีกด้วย จากวันเป็นเดือน และจากเดือนเป็นปี ยิ่งไปกว่านั้นคุณพ่อยังเฝ้าเพียรกำชับให้ผมท่องศัพท์ ท่องบทอาขยานต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการเรียนรู้ ตามจังหวะของชั้นเรียน ส่งผลให้ชีวิตของผมมีโอกาสสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตการเป็นนักเรียนชั้น ป.4 ได้รับรางวัลที่หนึ่ง รับปากกาด้ามทองจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดที่มอบให้ในงานวันเด็ก ในฐานะที่สอบได้อันดับหนึ่ง 99% นับเป็นความภาคภูมิใจของชีวิตเด็กคนหนึ่งพึงจะได้รับในวัยนั้น
ด้วยคุณพ่อเป็นผู้มีความรู้มากมาย หลากหลายแนวทาง จากการที่คุณพ่อเคยเป็นนักหนังสือพิมพ์ สมัยคุณสด กูรมะโลหิต และอีกหลายๆท่านในวงการยุคนั้น คุณพ่อจึงเป็นนักต่อสู้ทั้งในเรื่องของความเป็นธรรมในสังคม การพัฒนาท้องถิ่นที่ตัวเองได้อยู่อาศัย คือบ้านท่าหาด หมู่ 4 ตำบลธรรมามูล อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท สมัยนั้นการสัญจรไปมาจากหมู่บ้านไปยังจังหวัดทำได้เพียงทางเรือ ซึ่งเรือในยุคนั้นเท่าที่เห็นเป็นเรือขนาดปานกลาง มีหลังคา สามารถบรรทุกสินค้าที่ชาวบ้านนำไปค้าขายที่จังหวัด บรรทุกผู้คนที่มีธุระไปติดต่อกับหน่วยงานราชการที่จังหวัดได้ครั้งละไม่มากนัก สำหรับทางบกก็มีเพียงเกวียนเป็นพาหนะ คงบอกได้ว่าถนนที่มีก็แค่ทางเกวียนเท่านั้นเอง 



เหตุและปัจจัยเหล่านี้ ทำให้คุณพ่อซึ่งเป็นนักบุกเบิกและเป็นนักต่อสู้ ตามที่คุณพ่อชอบเขียนไว้ตามรูป หรือหนังสือว่า "ชีวิต คือการต่อสู้" ทำให้คุณพ่อได้ระดมรายชื่อ และขอความร่วมมือจากชาวบ้านทุกครัวเรือนให้สละที่ดินจำนวนหนึ่งเพื่อทำการพัฒนาทางเกวียนให้กลายเป็นถนนสายหลัก เพื่อความสะดวกต่อการสัญจรไปมาในอนาคต กระบวนการต่างๆ ที่คุณพ่อเสนาะ พิศนุภูมิได้พยายามทำความเข้าใจกับชาวบ้านทุกครัวเรือน เรื่องราวเหล่านี้มีระยะเวลาการทำงานอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ตั้งแต่สมัยจอมพลถนอม กิตติขจร ส่วนตัวผมเองยังเป็นเด็กอยู่มาก แต่ได้รับรู้เรื่องราวเป็นระยะๆ ซึ่งเรียนรู้สิ่งต่างๆจากการที่ต้องคอยเขียนงานหนังสือช่วยคุณพ่อบ้าง เก็บข้อมูลลงแฟ้มบางอย่างให้บ้าง ช่วยคุณพ่อต้อนรับผู้คนมากมายที่เดินทางเข้ามาขอพบ พร้อมขอคำปรึกษาในเรื่องต่างๆ ในด้านความไม่เป็นธรรม การถูกเอารัดเอาเปรียบในเรื่องต่างๆ ดังนั้นบ้านของเราจึงกลายเป็นศูนย์รวมของการพบปะสนทนาของผู้คนที่มาจากหลายแห่งทุกทิศทาง ณ บ้านเลขที่ 62/1 หมู่ 4 ต.ธรรมามูล อ.เมือง จ.ชัยนาท



เพราะคุณพ่อรู้ดีว่า ชีวิตคือการเดินทาง ต้องมีเสบียงสำคัญที่ควรนำติดตัวไปด้วยเสมอ นั่นคือความรู้ คุณพ่อจึงบังคับให้ผมเรียนรู้ชีวประวัติของบุคคลสำคัญ อาทิเช่น ท่านประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น โสเครติส เดล คาร์เนกี มหาตมะ คานธี คาวัวร์ พร้อมหนังสือดีๆอีกมากมาย เช่นหนังสือบทกลอนของท่านสุนทรภู่ เรื่องขุนช้างขุนแผน พระอภัยมณี ขนาดของหนังสือเล่มใหญ่มากๆ (ในความรู้สึกสมัยนั้น) ตื่นเต้นกับความทุ่มเทพยายามของตัวละครจากหนังสือเคาน์ มองเต คริสโต เรียนรู้กลยุทธ์กลศึกในหนังสือสามก๊ก ประวัติศาสตร์สมัยกรุงศรีอยุธยา เรื่องราวลี้ลับของรัสปูติน ตำนานที่ยิ่งใหญ่ของเจงกิสข่าน ฯลฯ การถูกฝึกให้เป็นนักอ่านตั้งแต่วัยเด็ก ทำให้ความรู้ต่างๆ ซึมซับเข้าสู่สมองของผม และคุณพ่อยังได้ทบทวน หรือหยิบยกประเด็นบางเรื่องมาบอกเล่า แนะนำให้มีภูมิรู้เพิ่มเติม จากการเฝ้าปรนนิบัติบีบนวดคุณพ่อ คืนแล้วคืนเล่า จนผมเองก็เติบโตตามลำดับ
      

คำสอนของคุณพ่อที่หยิบยกมาจากบทกลอน หรือโคลงโลกนิติมีมากมายที่ผมได้จดจำ เขียนเก็บไว้เพื่อนำไปศึกษาต่อ ยึดเป็นแนวทาง เตือนตน และเรียนรู้คำสอนสั่งจากบรรพบุรุษที่ได้เขียนให้ไว้ จึงขอหยิบยกบางบทโคลงโลกนิติ และบทกลอนมา ณ ที่นี้พอเป็นสังเขป

                       ชายหาญ เห็นได้เมื่อ สงคราม นั้นนอ
                   ความซื่อสัตย์ ถนัดยาม ส่งหนี้
                   เห็นมิตร คิดเห็นความ จริงเมื่อ ทุกข์แล
                   เมียสัตย์ ชัดซื่อชี้ เมื่อไข้ ไร้สิน
                    
                           นารี ฉวีผ่อง อล่องฉ่องเป็นทรัพย์แสง
                              นารี ฉวีแคลง          ประพฤติดี เป็นศรีโฉม
                           บุรุษที่สุดรวย          หาหญิงสวย ได้ประโลม
                           บุรุษจนทรุดโทรม     วิชาดีก็มีหวัง
                                     ประยูร อิศรศักดิ์ (พระยาอุดมพงษ์เพ็ญสวัสดิ์)

สิ่งใด ในโลกล้วน เปลี่ยนแปลง
                    หนึ่งชรา หย่อนแรง เร่งร้น
ความตาย ติดตามแสวง ทำชีพ ประลัยเฮย
สามส่วน ควรคิดค้น คติรู้ เตรียมคอย

สุ เสาวนิตย์ ถ้อย ทั้งผอง
จิ เจตนาตรอง ตริค้น
ปุ จฉาสืบสวนลอง เลาเลศ
ลิ ขิตข้อคำต้น เกี่ยงแก้ กันหลง

ยามรู้ เรียนร่ำไว้ หวังผล
ใช้ชอบ จะชูตน เลิศล้ำ
ใช้ผิด จะกลับผจญ ตนมอด ม้วยแฮ
ดีชั่ว จงชั่งซ้ำ สนิทแล้ว จึงขยาย
วัว หายคงเพราะรั้ว เราบก พร่องเฮย
หาย หนึ่งพึงรีบปก ปิดป้อง
ล้อม ไว้อย่าทันยก ฝูงใหญ่ หายแฮ
คอก มั่นกันพิบัติพ้อง ประเภทนี้ ดีเหลือ

อย่า แคลงใจ เพื่อนทั้ง หญิงชาย
ไว้ จิต มิตรทั้งหลาย เหล่านั้น
ใจ ระแวง มักทำลาย มิตรภาพ นาเพื่อน
คน รัก รักสะบั้น เพราะด้วย ความระแวง

งาสาร ฤาเหี้ยนห่อน หดคืน
คำกล่าว สาธุชนยืน อย่างนั้น
ทรชน กล่าวคำฝืน คำเล่า
หัวเต่า ยาวแล้วสั้น เล่ห์ลิ้น ทรชน

เจ็ดวัน เว้นดีดซ้อม ดนตรี
อักขระ ห้าวันหนี เนิ่นช้า 
สามวัน จากนารี เป็นอื่น
วันหนึ่ง เว้นล้างหน้า อับเศร้า หมองศรี
ห้ามเพลิงไว้ อย่าให้ มีควัน
ห้ามสุริยะ แสงจันทร์ ส่องไซ้
ห้ามอายุ ให้หัน คืนเล่า
ห้ามดั่งนี้ ไว้ได้ จึ่งห้าม นินทา

เสียศีล สงวนศักดิ์ไว้ วงษ์หงษ์
เสียศักดิ์ สู้ประสงค์ สิ่งรู้
เสียรู้ เร่งดำรงค์ ความสัตย์ ไว้นา
เสียสัตย์ อย่าเสีย สู้ ชีพม้วย มรณา
พฤกษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง
โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตย์ทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ ในโลกา
อันโคควาย ทั้งหลาย ที่ตายลง
หนังเขา นั้นคง จำหน่ายได้
ถึงสารใหญ่ ล้มผลึง ตึงลงไป
ยังทิ้งงา คู่ไว้ ในโลกา
นรชาติ แม้นสิ้น ชีวาตม์ลับ
อินทรีย์หาย กลายกลับ ทั่วถ้วนหน้า
เป็นเพลิงธาตุ พุทธตรัส อนิจจา
คงสถิตย์ สถาพรทั่ว แต่ชั่วดี

แม้นหมู่ใด ใจรัก สมัครสมาน
ประกอบการ สิ่งใด คงได้ผล
ปลวกนิดนิด จิตร่วม รวมระคน
อาจจะขน ดินเด่น เป็นกองเอย
เกิดเป็นคน จนหรือมี มิเป็นใหญ่
แต่น้ำใจ นั่นแหละเลิศ ประเสริฐศรี
จะเป็นมิตร สนิทสนม กลมเกลียวดี
ด้วยอารี กอบเกื้อ ช่วยเหลือกัน

                        แม้เหล็กงอ เขาทำเคียว ประเดี๋ยวเสร็จ 
                               อาจสำเร็จ ประโยชน์ได้ ดังประสงค์
                                   คนคดข้อ งอกระดูก ผูกจำนงค์ 
                                    จะประสงค์ ทำอะไร ไม่ได้เลย

                                    เขาว่า สอนคน คนมันยาก 
                                    แสนลำบาก สอนให้ ดังใจเหวย
 

                                   คนมันเอา แต่ใจ ละไปเลย
                                    ไม่นึกเอ่ย คำสอน ที่อ่อนใจ
                                     อันบิดา มารดร สอนมามาก 
                                     แต่ไม่อยาก เชื่อฟัง หวังที่ไหน
  
                                   ครูผู้ใหญ่ พร่ำสอน พร่ำวอนไว้ 
                                     แต่คนนั้น ไม่ประพฤติ ยึดทางทราม

                                     คุกเขาสร้าง ตะราง วางไว้อยู่ 
                                     คอยรับผู้ ประพฤติผิด คิดหยาบหยาม
 
                                    ตัวของตัว ทำตัว ให้ชั่วทราม 
                                     จะประนาม ใครเล่า นะเจ้าเอย


อันร่างกาย ตายเกิด เหมือนเชิดหุ่น
ส่วนบาปบุญ หนุนนำ ตามสนอง
เราไม่เผา เขาก็เผา เราจนพอง
พึงดูกอง ฟอนเห็น เป็นพยาน

                                    อันวิถี ชีวิต เดินผิดง่าย 
                                   แม้นผิดหมาย อาจถลำ นำสู่เถิน
                                   ใครกำหนด ล่วงหน้า ช้าเหลือเกิน
                                    ถึงคราวเดิน อาจผิด ที่คิดไว้
                                    ปัญญาเรา แค่คืบ สืบไม่ออก
                                    เหลือจะบอก ล่วงหน้า ช้าช้าได้
                                    อันวิถี ชีวิต คิดอย่างไร
                                    จักแจ้งใจ ข้างหน้า อนาคต



                                            โปรดติดตามตอนต่อไป
                       http://www.succession102.blogspot.com













ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น